ในงาน Sustainability Expo 2025 ที่จัดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ได้มีการจัดเวทีเสวนาในหัวข้อ From Climate Change to Disaster ที่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้มาร่วมกันสะท้อนความจริงอันน่าตกใจ
คุณปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปิดประเด็นด้วยการชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยติดอันดับ 9 ของโลกที่มีความเสี่ยงสูงจากภาวะโลกร้อน จากรายงานของ Global Climate Risk Index
ด้านศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล จาก BiOST เตือนว่า โลกกำลังใกล้แตะเพดาน 2 องศาเซลเซียส ที่เคยตกลงไว้ใน Paris Agreement ซึ่งนั่นคือ Tipping Point หรือจุดพลิกผันที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป
เมืองใหญ่เสี่ยงจมน้ำ รู้หรือไม่ว่า กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 เมตร อาจกลายเป็น “เมืองจมน้ำ” ภายในศตวรรษนี้ หากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 1 เมตรในปี 2050 และอาจสูงถึง 2.5 เมตรในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งธนาคารโลกได้จัดให้กรุงเทพฯ อยู่ใน 10 อันดับเมืองใหญ่ที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงสุด
ด้านดร.กรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้อธิบายถึงผลกระทบโดยตรงต่อ ความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตรที่ไม่สามารถเติบโตได้ในพื้นที่เดิม เพราะฝนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และปัญหาผึ้งที่ลดจำนวนลงอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการผสมเกสรของพืชอาหารกว่า 70% ทั่วโลก
อีกหนึ่งประเด็นคือเรื่องความเป็นธรรม แม้จะมีการประชุม COP กว่า 30 ครั้ง แต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกก็ยังไม่ลดลง ประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงสร้างความมั่งคั่งด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งไม่ได้สร้างปัญหาโลกร้อนกลับไม่ได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม
บทสรุปจากเวทีนี้จึงชัดเจนว่า ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม คำถามสำคัญคือ เราจะเลือกอยู่กับมันอย่างไร โลกในอีก 20-30 ปีข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยหายนะที่คาดไม่ถึง แต่หากมนุษย์เลือกที่จะร่วมมือกันอย่างแท้จริง และสร้างความยืดหยุ่น เราอาจมีเวลามากขึ้นในการปรับตัวและรักษาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนรุ่นถัดไป
อย่าลืมมาร่วมกันหาทางรอดในวิกฤตโลกรวนได้ที่งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)