สารพัดประโยชน์ของ “น้ำส้มสายชู”

“น้ำส้มสายชู” ของประจำบ้านที่ใครหลายคนรู้จัก เพียงแค่มีน้ำส้มสายชูอยู่ในบ้านไม่ว่าจะทำอาหารหรือทำความสะอาดก็ทำได้หมด

“คาทาริน่า ซิมเมอร์” เจ้าของบทความนี้ได้เล่าว่าเธอต้องทะเลาะกับชักโครกที่ห้องพักของเธอ เพราะไม่ว่าจะขัดหรือถูมากแค่ไหนก็ไม่สามารถขจัดคราบตะกรันที่เกาะอยู่ภายในได้ เธอจึงเปิด Google เพื่อค้นหาวิธีในการขจัดคราบเหล่านี้ เพียงไม่นานเธอก็เจอเว็บที่แนะนำให้นำสายชูทำความสะอาด หลังจากนั้นเธอจึงลองหยดน้ำส้มสายชูเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะลงชักโครกและรอประมาณ 30 นาที จากนั้นเธอจึงขัดชักโครกอีกครั้งผลที่ได้คือคราบตะกรันหลุดออกภายในพริบตา

ตั้งแต่นั้นมาเธอจึงใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดคราบสกปรกมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดชักโครก ซิงค์ล้างจาน กาต้มน้ำ และก๊อกน้ำ เป็นต้น เพียงแค่เธอหยดน้ำส้มสายชูเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ คราบตะกรันที่เกาะแน่นก็หายไป

แต่เธอก็สงสัยว่า “น้ำส้มสายชู” จะสามารถฆ่าแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่น ๆ ได้หรือไม่ และที่สำคัญผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อสุขภาพมากกว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดอื่นหรือไม่?

เธอลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็พบว่าหลายบทความที่เขียนเกี่ยวกับการทำความสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้โฆษณาว่า “น้ำส้มสายชู” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นที่ “เป็นพิษ” ซึ่งหากดูจากข้อมูลแล้วก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะน้ำส้มสายชูเป็นเพียงแอลกอฮอล์ที่ผ่านการหมัก และเป็นส่วนประกอบในอาหารหลายอย่าง การที่น้ำส้มสายชูทำความสะอาดคราบตะกรันออกได้นั้นก็เป็นเพราะมี “กรดอะซิติก” เป็นส่วนประกอบหลักที่สามารถขจัดคราบต่าง ๆ ออกได้ แต่น้ำส้มสายชูก็ไม่สามารถขจัดคราบทุกประเภทได้ “Eric Beckman” วิศวกรเคมีและศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กในเพนซิลเวเนีย ได้เล่าว่า เพื่อนร่วมงานได้ทดสอบน้ำส้มสายชู กับแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคหลายชนิด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นพบว่า น้ำส้มสายชูฆ่าแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคได้แค่บางชนิด เนื่องจากปริมาณน้ำส้มสายชูยังไม่เข้มข้นมากพอ การฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำส้มสายชูก็ยังต้องใช้ความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง (น้ำส้มสายชูหนึ่งช้อนชาลงในน้ำยาทำความสะอาด)

เมื่อเพิ่มความเข้มข้นของน้ำส้มสายชู กรดอะซิติิกก็จะยิ่งระคายเคืองผิวมากขึ้นเนื่องจากปริมาณของกรดอะซิติกเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นที่มากขึ้น เมื่อกรดอะซิติกเข้าตาจะเป็นอันตรายทันที 

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำส้มสายชูส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในทางอ้อมนั้นก็คือ แหล่งที่มาของน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นองุ่น แอปเปิล ธัญพืช มันฝรั่ง หรือข้าว ซึ่งจะนำมาหมักเพื่อให้ได้น้ำส้มสายชู โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำส้มสายชูสังเคราะห์ที่ได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม “น้ำส้มสายชู” ก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ๆ เนื่องจากมันเป็นสารเรียบง่ายและย่อยสลายได้รวดเร็ว

ที่มา

bbc.com