ชาวยุโรปต้องหันมาใช้สายฉีดชำระแล้ว! หลังพบการใช้กระดาษชำระจำนวนมาก!

ชาวยุโรปต้องหันมาใช้สายฉีดชำระแล้ว! หลังพบการใช้กระดาษชำระจำนวนมาก!

จะเกิดอะไรขึ้นหากชาวยุโรปที่ใช้กระดาษชำระในการเข้าห้องน้ำมาทั้งชีวิต ต้องหันมาใช้สายฉีดชำระแทน เมื่อพบว่าในยุโรปใช้กระดาษชำระเฉลี่ย 20 กิโลกกรัมต่อปี สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

ปัจจุบัน “กระดาษชำระ” ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในห้องน้ำของบ้านทุกหลังในยุโรป หรือหลายประเทศทั่วโลก หลังจากการคิดค้นกระดาษชำระครั้งแรกในปี 1857 และเริ่มใช้แพร่หลายตั้งแต่ปี 1907 เป็นต้นมา

แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปบางประเทศทั่วโลกก็หันมาใช้ “สายฉีดชำระ” มากกว่า “กระดาษชำระ” อย่างประเทศไทย ที่ทำให้ชาวต่างชาติหลายคนที่มาเยือนประเทศไทยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก แต่การใช้กระดาษชำระอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้กลับสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบบที่บางคนก็ไม่รู้มาก่อน 

ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรปตะวันตกใช้กระดาษชำระเฉลี่ยแล้ว 15 – 20 กิโลกรัมต่อปี โดยทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรประบุว่า การเปลี่ยนไม้ให้เป็นกระดาษชำระ เป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดมลพิษ และใช้น้ำในการผลิตจำนวนมากเนื่องจากการผลิตกระดาษหนึ่งม้วนใช้น้ำสูงถึง 140 ลิตรกันเลยทีเดียว นอกจากนี้กระดาษชำระบางชนิดก็มีการใช้สารเคมีที่คงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน หรือที่เรียกว่า “สารเคมีตลอดกาล” เป็นส่วนผสมสำคัญ

เนื่องจากมนปี 2023 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาได้ตรวจสอบกระดาษชำระยี่ห้อหลัก 21 ยี่ห้อในอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เพื่อหา “PFAS” หรือสารเคมีตลอดกาล ซึ่งผลปรากฎว่ากระดาษชำระอาจเป็นแหล่งปล่อยสาร PFAS ลงสู่ระบบน้ำเสียสำคัญ

ผู้ผลิตบางรายของโลกก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย ว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการทำลายป่า รวมไปถึงละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย

ทำให้นักวิจัยหลายคนเสนอทางเลือก และออกมายืนยันว่า “สายฉีดชำระ” หรือ Bidet (บิเดต์) เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและช่วยลดการใช้กระดาษชำระแบบมหาศาล และยังใช้น้ำน้อยกว่ากระบวนการผลิตกระดาษชำระ

โดย “Giovanni De Feo” ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล จากมหาวิทยาลัย University of Salerno เชื่อว่า “ไม่มีอะไรที่ส่งผลกระทบเป็นศูนย์” 

“เราต้องการกระดาษชำระ แต่เราสามารถลดปริมาณกระดาษชำระที่ใช้ได้ เพราะแม้ว่าจะใช้กระดาษเพียงแค่ 1 ชิ้น ก็สามารถประหยัดน้ำได้ถึง 3 ลิตรกันเลยทีเดียว”

 

ที่มา

euronews.com