Rain Bomb หรือ Microburst / Wet Microburst คือปรากฏการณ์ฝนตก ปริมาณมหาศาล ใน ช่วงเวลาสั้น ๆ เฉพาะจุด ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันแบบรุนแรงมาก
ลักษณะสำคัญ
- ฝนเทลงมาปริมาณสูงผิดปกติ เช่น 200–500 มม. ในคืนเดียว
- เกิดเฉพาะพื้นที่ขนาดเล็ก (ไม่กี่ตารางกิโลเมตร) แต่รุนแรงมาก
- ทำให้ระดับน้ำท่วม พุ่งสูงทันที ไม่กี่ชั่วโมง
สาเหตุหลัก
- อุณหภูมิผิวโลกสูงขึ้นจากโลกร้อน
- ความชื้นในอากาศมากขึ้น
- เมฆฝน Cumulonimbus มีน้ำหนักน้ำสะสมมาก
- เมื่อยุบตัวลง จะ “เทลงมาครั้งเดียวแบบระเบิด”
ตัวเลข 477 มม. ในภาพ — คืออะไร?
ในภาพอ้างอิงเหตุการณ์ที่ หาดใหญ่ ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์:
ฝนตก 477 มม. ใน 24 ชั่วโมง (ประมาณ 47 เซนติเมตร!)
ซึ่งถือว่าเป็นระดับ “ฝนมหาโหด” และทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ทันที
เพื่อให้เห็นภาพชัด:
- กรุงเทพฯ หากฝนตกเกิน 100 มม. ก็ท่วมหนักแล้ว
- ถ้าเกิดตกแบบ เกือบ 500 มม. ในคืนเดียว = น้ำท่วมแบบไร้ทางหนี
เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในไทยจริงไหม?
เคยเกิด และเกิดถี่ขึ้น!
✔ ตัวอย่างเหตุการณ์ Rain Bomb ในไทย
- หาดใหญ่ ปี 2553
- 477 มม. ภายในวันเดียว
- เมืองจมบาดาลหลายวัน
- 477 มม. ภายในวันเดียว
- สุราษฎร์ธานี – นครศรีฯ
- 300–400 มม. หลายครั้งในรอบ 10 ปี
- 300–400 มม. หลายครั้งในรอบ 10 ปี
- กรุงเทพฯ
- ยังไม่เคยถึง 400–500 มม.
- แต่เคยมี 200–250 มม. ในเวลา 3–6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าหนักมาก
- ยังไม่เคยถึง 400–500 มม.
ถ้า 477 มม. ตกที่กรุงเทพฯ จะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเกิด ฝนระดับหาดใหญ่ ตกที่กรุงเทพฯ ผลลัพธ์จะรุนแรงมาก เพราะโครงสร้างเมืองไม่รองรับน้ำจำนวนนี้
🔥 ผลกระทบแบบ “Worst Case”
- ถนนทั้งเมืองท่วมสูงกว่า 1 เมตร
- ระบบระบายน้ำล้นเต็มทุกท่อ
- รถยนต์จำนวนมากเสียหาย
- น้ำไหลลงเจ้าพระยาช้า เพราะเป็นพื้นที่ราบต่ำ
- เสี่ยงน้ำท่วมไฟฟ้าดับหลายเขต
- เขตริมเจ้าพระยาอาจท่วมระดับ หลังคารถ
❗ เหตุผลที่กรุงเทพฯ อ่อนไหว
- เป็นแอ่งกระทะ
- ดินทรุดลงเรื่อย ๆ (เฉลี่ย 1–2 ซม./ปี)
- ระบบปั๊มน้ำไม่ทัน
- ฝน 60–80 มม. ก็เริ่มท่วมแล้ว
- พื้นที่ชลประทานระบายน้ำได้น้อยกว่าฝนตกจริง
โอกาสเกิดเหตุการณ์ Rain Bomb ในกรุงเทพฯ มีมากน้อยแค่ไหน?
ตามข้อมูลวิจัยจากหลายสถาบัน (IPCC, NOAA, World Weather Attribution):
🌡 โลกร้อน = ฝนหนักขึ้น
- ทุก ๆ 1°C ที่โลกร้อนขึ้น → ความชื้นในอากาศเพิ่ม 7%
- ฝนหนักพิเศษ (Extreme Rainfall) เพิ่มขึ้นทั่วโลก
✔ กรุงเทพฯ เสี่ยงเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะ:
- อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
- ปริมาณฝนเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้น
- ความถี่ฝนหนัก (มากกว่า 100 มม.) เพิ่มเกือบ 2 เท่าในรอบ 20 ปี
- พายุหมุนและมรสุมผันผวนมากกว่าเดิม
🔮 ความเป็นไปได้ของ “ฝนระดับ 400–500 มม.”?
- ผู้เชี่ยวชาญมองว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต
- โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดฝนหลงฤดู + น้ำทะเลหนุน + ความชื้นสะสม
สรุป:
ไม่ใช่เรื่อง “จะเกิดไหม” แต่เป็นเรื่อง “จะเกิดเมื่อไหร่” มากกว่า
ตอนนี้ไทยมีเตือนอะไรเกี่ยวกับ Rain Bomb ไหม?
กรมอุตุนิยมวิทยาไม่ได้ใช้คำว่า “Rain Bomb” โดยตรง แต่มีการแจ้งเตือนลักษณะคล้ายๆ ได้แก่:
- ฝนตกหนัก–หนักมากเฉพาะพื้นที่
- น้ำท่วมฉับพลัน–น้ำป่าไหลหลาก
- ฝนสะสม 24 ชม. เกิน 150–200 มม.
และพบว่าภาคใต้–ตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเกิดบ่อยสุด
เหตุการณ์แบบนี้เกี่ยวข้องกับ Climate Change ยังไง?
เกี่ยวข้องโดยตรง
IPCC ระบุว่า:
- ระบบโลกร้อนทำให้ฝนหนักขึ้นทั้งจำนวนและความถี่
- เหตุการณ์ฝนสุดขั้ว (Extreme Rainfall Events) เพิ่มขึ้นชัดเจน
ในพื้นที่เมือง (Urban Heat Island) ยิ่งหนักกว่าเดิมเพราะ:
- ความร้อนสะสมมาก → เพิ่มการยกตัวของเมฆ
- เมฆก่อตัวและยุบตัวแบบรุนแรง → “ระเบิดฝน”
สรุปสั้นแบบเข้าใจง่าย
- Rain Bomb = ฝนถล่มเฉพาะจุดแบบมโหฬาร
- ไทยเคยเจอมาแล้ว เช่น หาดใหญ่ 477 มม./คืน
- กรุงเทพฯ ถ้าฝนระดับนี้ตก → เมืองจมทันที
- โอกาสเกิดมีแน่ในอนาคตเพราะโลกร้อน
ระบบระบายน้ำกรุงเทพฯ รองรับไม่เกิน 60–100 มม.