นังสือพิมพ์เดอะเจแปนไทมส์ รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ระบุว่า ทีมนักวิจัยญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตรวจพบการทรุดตัวของก้นทะเลใกล้ร่องลึกนันไก (Nankai Trough) บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศเป็นครั้งแรก โดยพบการทรุดตัวต่อเนื่องในแต่ละปี
การค้นพบนี้อาศัยข้อมูลจากเครื่องวัดความดันน้ำ (water pressure gauges) ของเครือข่ายสังเกตการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิใต้น้ำ “Donet” ที่ติดตั้งนอกชายฝั่งคาบสมุทรคิอิ (Kii Peninsula) ตอนกลางของญี่ปุ่น
นักวิจัยระบุว่า การสังเกตการณ์ระยะยาวในหลายจุด จะช่วยประเมินความเสี่ยงของแผ่นดินไหวและสึนามิขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากร่องน้ำลึกนันไกเป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกฝั่งทะเลมุดตัวลงใต้แผ่นเปลือกโลกฝั่งแผ่นดิน ทำให้ก้นทะเลค่อย ๆ ลดระดับลง และอาจนำไปสู่การเลื่อนตัวกะทันหันของรอยต่อแผ่นเปลือกโลก ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิรุนแรง
ที่ผ่านมา การตรวจจับการทรุดตัวเล็กน้อยระดับไม่กี่เซนติเมตรต่อปีทำได้ยาก เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนจากความผิดพลาดทางเครื่องมือ แต่ทีมวิจัยที่นำโดยนายยูยะ มาชิดะ จากองค์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางทะเล-โลกของญี่ปุ่น (JAMSTEC) ได้พัฒนาเครื่องสอบเทียบความดันน้ำแบบความแม่นยำสูง และนำไปติดตั้งใกล้เครื่องวัดความดันน้ำบริเวณนอกชายฝั่งคาบสมุทรคิอิ พร้อมตรวจสอบทุก 6 เดือนถึง 1 ปีด้วยการใช้เลเซอร์วัดความต่างระดับอย่างละเอียด
ผลการตรวจวัดพบว่า พื้นก้นทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรคิอิทรุดตัวเฉลี่ยปีละ 1.5 เซนติเมตร และทางตอนใต้ทรุดตัวเฉลี่ยปีละ 2.5 เซนติเมตร
รอยต่อของแผ่นเปลือกโลกในบริเวณนี้ไม่ได้ยึดแน่น และมักเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กเป็นระยะ รวมถึงบางครั้งเกิดการเลื่อนตัวช้า ๆ โดยไม่กระตุ้นแรงสั่นสะเทือน
“ในอนาคต เราหวังจะเพิ่มจำนวนจุดที่มีการสอบเทียบเครื่องวัดความดันน้ำใต้ทะเล เพื่อทำให้เข้าใจรูปแบบการทรุดตัวระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น” มาชิดะกล่าว
https://www.instagram.com/p/DPKsL3mCCpO/