เผาวัชพืชอาจได้รับโทษหนัก มีโทษทั้งจำทั้งปรับ!
ไฟป่าทางภาคเหนือ และภาคอีสานของไทยยังคงโหมกระหน่ำไม่หยุด ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เร่งดับไฟ ต้นตอหลักสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการเผาวัชพืชของเกษตรกรรม การกระทำเช่นนี้อาจนำไปสู่การรับโทษที่รุนแรงแบบไม่รู้ตัว
สถานการณ์ไฟป่าในภาคเหนือ และภาคอีสานในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ยังคงเป็นที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากไฟป่าเกิดขึ้นในหลายพื้นที่พร้อมกัน จึงทำให้การดับไฟป่าเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ทีมดับเพลิงในหลายพื้นที่ไม่เพียงพอ
โดยต้นตอของการเกิดไฟป่าในครั้งนี้คือไฟป่าจากธรรมชาติ และจากการกระทำของมนุษย์ซึ่งก็คือการเผาวัชพืชของเกษตรกรรมนั้นเอง
หลายครั้งที่เกิดเหตุการไฟป่า ส่วนหนึ่งของสาเหตุหลักก็มักจะมาจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาป่า และการเผาวัชพืชจากเกษตรกรรม เป็นต้น เกษตรกรหลายคนอาจจะมองว่าการเผาวัชพืชนั้นเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่หากมันสร้างผลกระทบให้กับผู้คนในวงกว้าง เช่น การเกิดไฟป่าในภาคเหนือ แลละภาคอีสานในตอนนี้ ก็อาจจะทำให้ได้รับโทษหนักโดยไม่รู้ตัว
โทษของคนที่ชอบเผา
- การเผาในพื้นที่เอกชนและในพื้นที่สาธารณะทั่วไปจนเกิดเหตุรำคาญ เช่น การเผาขยะมูลฝอย เผาสิ่งต่าง ๆ กลางแจ้ง
- พรบ.การสาธารณสุข 2535 ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่สั่งให้ระงับการเผา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การเผาในพื้นที่ข้างทางหรือถนน
- พรบ.การจราจรทางบก 252 ห้ามมิให้ผู้ใดเผาหรือกระทำการด้วยประการใด ๆ เป็นเหตุให้เกิดควัน หรือสิ่งอื่นใดอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย แก่การจราจรในทางเดินรถ (ห่างจากถนนไม่เกิน 500 เมตร) ผู้ฝ่าฝืนต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- การเผาป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า
- ผู้ฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 4 – 20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000 ถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การเผาป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
- ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษตาม จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท ในกรณีบุคคลใดเผาป่าหรือยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท
- การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ของตนเอง เช่น เผาไร่อ้อย เผาตอซังฟางข้าว เผาในที่โล่ง
- เผาจนเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและทรัพย์สินของผู้อื่น: กฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของตัวเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เผาจนอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น: พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 พ.ศ.2560) กำหนดให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งการเผาวัชพืชของเกษตรกรรมนั้นจะเข้าข่ายโทษในข้อ 5 การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ของตนเอง เช่น เผาไร่อ้อย เผาตอซังฟางข้าว เผาในที่โล่ง หากเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและทรัพย์สินของผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้นกำหนดให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ของตนเอง เช่น เผาไร่อ้อย เผาตอซังฟางข้าว เผาในที่โล่ง นอกจากจะได้รับโทษแล้ว ผลผลิตของเกษตรกรรมที่มาจากพื้นที่เผานั้นก็จะได้รับผลกระทบของผลผลิตที่ราคาต่ำลง เนื่องจากนโยบายของภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน จะให้ราคาผลผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น อ้อยที่ไม่ผ่านการเผาจะได้ราคาที่สูงกว่าอ้อยที่เผามา หรือบริษัทบางแห่งอาจไม่รับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผามาเลย
ดังนั้นก่อนจะเผาอะไรลองคิดทบทวนให้ดี และต้องนึกถึงผลกระทบที่ตามมาในอนาคต เพราะนอกจากการเผาจะทำลายสิ่งแวดล้อม และสุขภาพแล้ว การเผาอาจทำให้เราเป็นนักโทษโดยไม่รู้ตัว
ที่มา