เกิดมาครั้งเดียว! เราควรมีเสื้อผ้ากี่ตัว
เคยไหม? เปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรจะใส่” ทั้งที่เสื้อผ้าจะล้นตู้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ซื้อเสื้อผ้ามาเติมไม่หยุด แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า “เกิดมาแค่ครั้งเดียว เราควรมีเสื้อผ้ากี่ตัวถึงจะพอ”
ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษมากที่สุด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมประเภทนี้นับเป็น 10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)โลก นอกจากจะก่อมลพิษในปริมาณมากแล้ว การใช้ทรัพยากรก็มากตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากการผลิตเสื้อ 1 ตัวต้องใช้น้ำมากถึง 2,700 ลิตร (เท่ากับน้ำดื่มของคน 1 คนใน 2.5 ปี) กันเลยทีเดียว
คนทั่วไปใช้เสื้อผ้ากี่ตัวตลอดชีวิต?
จากสถิติการบริโภคเสื้้อผ้าทั่วโลก คนทั่วไปซื้อเสื้อผ้าเฉลี่ยปีละ 50 – 70 ชิ้น หากนับตั้งแต่วันเด็กจนถึงอายุ 80ปี แต่บางคนอาจซื้อเสื้อผ้ามากกว่า 4,000 – 6,000 ชิ้นตลอดทั้งชีวิต
ในปัจจุบันในเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนามีแนวโน้มในการใช้เสื้อผ้าที่นานมากขึ้น ซึ่งแตกต่างกับประเทศที่นิยม Fast Fashion เช่น อเมริกาและยุโรป ที่ทิ้งเสื้อผ้าปีละ 37 กิโลกรัมต่อคน โดยส่วนใหญ่แล้วใส่เสื้อผ้าเพียงแค่ 7 – 10 ครั้งแล้วก็ทิ้ง
เราควรมีเสื้อผ้ากี่ตัวถึงจะไม่ทำร้ายโลก?
เมื่อเกิดการตั้งคำถามเช่นนี้ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจึงออกมาแนะนำให้มีเสื้อผ้าปริมาณที่พอเหมาะโดยใช้หลักการ “Capsule Wardrobe” ซึ่งแนะนำให้มีเสื้อผ้า 20 – 50 ชิ้นต่อคนก็เพียงพอแล้ว สำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยแรวคิดของหลักการ “Capsule Wardrobe” คือการเลือกเสื้อผ้าที่สามารถ Mix & Match ได้หลายแบบ เน้นเสื้อผ้าที่มีคุณภาพดี ใช้งานได้นาน หากจำเป็นจึงจะซื้อเสื้อผ้าใหม่
จริง ๆ แล้วในชีวิตเราไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าเยอะมากมาย หากเราซื้อเสื้อผ้าที่พอดีและพอเหมาะ ลดการบริโภคเสื้อผ้าลง เราก็สามารถลดขยะสิ่งทอ และมลพิษจากอุตสาหกรรมแฟชั่นได้อย่างมาก เหมือนกับคำที่ว่า “Less is More” บริโภคให้น้อยแต่ช่วยสิ่งแวดล้อมได้มาก