สิ่งที่ค้ำยันเมืองเก่าอย่าง “เวนิส” มีเพียงแค่ป่าโบราณ!

สิ่งที่ค้ำยันเมืองเก่าอย่าง “เวนิส” มีเพียงแค่ป่าโบราณ!

สิ่งที่ค้ำยันเมืองเก่าอย่าง “เวนิส” มีเพียงแค่ป่าโบราณ!

เมืองโบราณอย่าง “เวนิส” มีโครงสร้างพื้นฐานที่ค้ำยันเมืองนี้มานานกว่า 1,604 ปี นั้นก้คือ “ป่าโบราณ”

ปัจจุบันโครงสร้างส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของหลายอาคารจะใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก และเหล็กกล้าในการรับน้ำหนัก แต่ก็น่าแปลกใจว่ารากฐานของอาคารในปัจจุบันไม่สามารถอยู่ได้นานเท่ากับ “เวนิส” เมืองที่สร้างขึ้นบนฐานรากของเสาไม่สั้น ๆ หลายล้านต้นซึ่งตอกลงดินโดยหันปลายแหลมลงด้านล่าง ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรม ที่อาศัยพลังของฟิสิกส์และธรรมชาติ

เทคนิคการวางเสาเข็มแบบเวนิสมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ความทนทานของเมืองที่สืบทอดมาหลายศตวรรษ ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีเสาเข็มที่ทำมาจากไม้อยู่ใต้เมืองกี่ล้านต้น แต่ที่ฐานของสะพาน Rialto แห่งเดียวก็มีเสาไม้อยู่ถึง 14,000 ต้น และมีต้นโอ๊คอีก 10,000 ต้น อยู่ใต้วิหารซานมาร์โก

ศาสตราจารย์ด้านเคมีสิ่งแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมหาวิทยาลัยเวนิส “คาเทรินา ฟรานเชสกา อิซโซ” (Caterina Francesca lzzo) กล่าวว่า “ตอนที่โตมาฉันก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าใต้อาคารในเวนิสมีต้นไม้จากภูเขาแถบใกล้เมือง แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเสาไม้พวกนั้นถูกวางไว้อย่างไร และมีวิธีตอกแบบไหน และไม่เคยรู้เลยว่าอาชีพคนตอกเสา (battipali) มีความสำคัญขนาดไหนในอดีต”

เหล่าคนงานตอกเสาเข็มจะใช้แรงมือในการตอกเสาลงดิน และร้องเพลงโบราณเพื่อรักษาจังหวะในการทำงาน พวกเขาจะตอกเสาเข็มให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งไม่สามารถตอกลงไปได้อีก โดยในการตอกเสาเข็มจะเริ่มจากขอบด้านนอกของโครงสร้างแล้วเคลื่อนไปยังใจกลางฐานราก ซึ่งไม้โอ๊คถือเป็นไม้ที่ทนทานที่สุด และมีค่ามากที่สุดในการก่อสร้าง ทำให้ในอดีต “เวนิส” มีการปกป้องป่าไม้ของตนเพื่อให้มีไม้เพียงพอสำหรับการก่อสร้าง

นอกจากเมืองเวนิสก็ยังมีเมืองอื่น ๆ ที่ใช้เสาเข็มไม้เป็นฐานราก เช่นอัมสเตอร์ดัมที่เสาเข็มไม้จะยาวลงไปจนถึงฐานรากลักษณะเหมือนเสาไม้ยาว ๆ หรือขาโต๊ะ

ความแข็งแรงของเมืองเวนิสได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแข็งแรงอย่างน่าทึ่ง หลังจากอยู่ใต้น้ำมานานถึง 1,604 ปี แต่เมื่อ 10 ปีก่อนทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปาดัว และเวนิส (University of Padova and Venice) ได้ทำการทดสอบฐานรากของเมืองซึ่งเริ่มต้นจากหอระฆังก็พบว่ามีการทรุดตัวปีละ 1 มิลลิเมตร ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างทำให้ปัจจุบันทรุดตัวไปแล้ว 60 เซนติเมตร หากเทียบกับอาคารทั่วไปหอระฆังจะทรุดตัวไวกว่าเนื่องจากน้ำหนักของหอระฆังจะทรุดตัวไวกว่าเนื่องจากน้ำหนักของหอระฆังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่เล็กกว่าอาคาร

โดยในตอนที่ตรวจสอบเป็นช่วงที่คลองบางสายถูกระบายน้ำออกมา และกำลังทำความสะอาด “คาเทรินา ฟรานเชสกา อิซโซ” กล่าวว่า “พวกเขาต้องทำงานด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เพราะมีน้ำเสียพุ่งออกมาจากท่อด้านข้างเป็นระยะทำให้ไม้อยู่ใต้โครงสร้างได้รับความเสียหาย แต่โครงสร้างที่ประกอบด้วยน้ำ โคลน และไม้ยังสามารถช่วยยึดทุกอย่างให้มั่นคงอยู่ได้”

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าฐานรากของเวนิสจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ตราบใดที่สภาพแวดล้อมยังเหมือนเดิมและระบบฐานรากที่ประกอบไปด้วยน้ำ ไม้ และโคลน ระบบนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไปได้

ปัจจุบันเราคงไม่สามารถสร้างเมืองทั้งเมืองด้วยไม้ได้ เพราะประชากรบนโลกมีมากเกินไป เวนิสอาจไม่ใช่เมืองเดียวที่มีฐานรากเป็นไม้ แต่เป็นเมืองเดียวที่ใช้เทคนิคแรงเสียดทานในวงกว้าง และยังคงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้แถมยังงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ “ปูซริน” (Puzrin) นักศึกษาระดับปริญญาตรีสถาบันเทคโนโลยีแห่งแม็กซิโก (ETH) และมัคคิโอนี (Macchioni) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสถาบันชีวเศรษฐกิจแห่งสภาวิจัยแห่งชาติของอิตาลีกล่าว

เมืองเวนิส

ป่าโบราณใต้เมืองเวนิส

 

ที่มา

bbc.com

board.postjung.com