วาเลนไทน์ที่ว่าแน่ ยังไม่ทำร้ายหัวใจคนโสดเท่า PM2.5 เลย

วาเลนไทน์ที่ว่าแน่ ยังไม่ทำร้ายหัวใจคนโสดเท่า PM2.5 เลย

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลความรักของคนมีคู่ที่ทำร้ายหัวใจคนโสดอย่าง “วาเลนไทน์” แต่สิ่งที่ทำร้ายหัวใจยิ่งกว่าวันวาเลนไทน์ ก็คือ PM2.5 ที่หนาทึบอยู่ในอากาศในตอนนี้ วาเลนไทน์อาจทำให้หัวใจคนโสดเจ็บนิดๆ แต่ PM2.5 อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้เลย!

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าฝุ่นละออง PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างมากโดยเฉพาะปอดที่เป็นอวัยวะที่รับศึกหนักที่สุด แต่ทุกคนรู้หรือไม่คะว่า PM2.5 ไม่เพียงแต่จะทำลายปอดของเรา แต่ยังทำลายหัวใจของเราอีกด้วย

ฝุ่น PM2.5 ทำร้ายหัวใจ

ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งในตอนนี้หลายจังหวัดในประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับวิกฤตทางอากาศ เนื่องจากมีฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศอย่างหนาแน่น ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กสามารถเข้าไปในปอดและกระแสเลือดได้ และยังส่งผลกระทบต่อหัวใจเป็นอย่างมาก หากเกิดอาการเฉียบพลันอาจทำให้เส้นเลือดแตกได้เลย

จากข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) ระบุว่า 20% ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมีสาเหตุมาจากมลพิษอากาศ (Air Pollution) และหากในอากาศมีฝุ่นละออง PM2.5 เกิน 10 – 25 ไมโครกรัมใน 1 ลูกบาศก์เมตร แล้วหากร่างกายรับเข้าไปเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการอักเสบ และส่งผลอันตรายต่อทางเดินหายใจ

หากเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันจะส่งผลให้เส้นเลือดเปราะ เส้นเลือดแตก ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มลพิษทางอากาศจะเข้าไปกระตุ้นให้อาการมันหนักและรุนแรงมากขึ้น ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย หลอดเลือดจะหนาตัวมากขึ้น จนทำให้หลอดเลือดตีบตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจล้มเหลวและหัวใจวาย

มลพิษทางอากาศ (Air Pollution) มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝุ่นละออง PM2.5 สามารถกระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ และกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย 

เห็นไหมคะว่าอันตรายของ PM2.5 สามารถทำลายหัวใจคนโสดอย่างเราได้มากกว่าตอนที่เราเห็นคนมีคู่ในวันวาเลนไทน์เสียอีก ดังนั้นวันวาเลนไทน์ปีนี้เราต้องดูแลสุขภาพ ใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้งกันด้วยนะคะ

 

ที่มา

bangkokhearthospital.com

bdmswellness.com